จมูก เป็นสิ่งสำคัญบนใบหน้า จะทำให้เราดูเด่นสวยขึ้น ยิ่งจมูกเรารับเข้ากับใบหน้าเท่าไหร่ จะทำให้เห็นถึงบุคลิกที่ดีขึ้นความมั่นใจที่เพิ่มมากขึ้น โดยส่วนมากในประเทศไทยนิยมเสริมจมูกในส่วนของดั้ง โดยวัสดุที่ใช้ในการเสริมจมูกในปัจจุบันจะถูกแบ่งออกมาเป็น 3 ประเภทคือ กระดูกอ่อนและซิลิโคนและฟิลเล่อร์ โดยในส่วนของกระดูกอ่อนจะมาจากในร่างกายของท่านเองนำมาจาก 2 ส่วนคือ กระดูกอ่อนจากใบหูส่วนมากจะใช้เสริมบริเวณปลายจมูก และ กระดูกอ่อนจากซี่โครงส่วนมากจะใช้ในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุหรือเป็นมาตั้งแต่กำเนิดไม่นิยมนำมาใช้เพื่อความสวยงาม ประเภทที่ 2 ก็คือ แบบซิลิโคนจะมีทั้งแบบ ซิลิโคนสำเร็จรูป และ ซิลิโคนแบบเหลาเอง ซึ่งก็จะมีข้อดีข้อเสียต่างกันไปของทั้ง 2 แบบ โดยทางเอเซียคลินิกของเราจะนำซิลิโคนมาเหลาเองเพื่อให้เข้ากับโครงหน้าของท่านมากที่สุดเพื่อความสวยที่สุด โดยการผ่าตัดแบบซิลิโคนนั้นก็จะแบ่งประเภทออกมาเป็น 2 แบบ ประเภทแรกคือ ซ่อนแผลไว้ด้านใน ข้อดีก็คือ จะทำให้เรามองไม่เห็นแผล และอีกแบบคือการเสริมจมูกแบบเปิด ประเภทที่3 คือ แบบฉีดซึ่งเริ่มนิยมทำกันได้ไม่นานโดยการใช้สารที่เรียกว่า “ฟิลเลอร์” เป็นการปรับแต่งจมูกที่ไม่ได้สัดได้ส่วน ทำให้จมูกดูเป็นรูปทรงมากขึ้นโดยใช้เวลาไม่นานไม่ต้องพักรักษาตัวค่าใช้จ่ายก็ไม่แพง
การเสริมจมูก (Rhinoplasty) นับว่าเป็นการศัลยกรรมที่ได้รับความนิยมอันดับต้นๆ ของคนเอเชีย และโดยเฉพาะคนไทยเองที่นิยมทำจมูกกันอย่างมาก เนื่องจากช่วยสร้างความมั่นใจและบุคลิกภาพให้ดูดี โครงหน้าดูมีมิติมากขึ้น
เสริมจมูกซิลิโคน (Close Rhinoplasty)
การเสริมจมูกด้วยการผ่าตัดแบบธรรมดา (Close Rhinoplasty) โดยแพทย์จะใช้วัสดุสังเคราะห์ในการเสริมจมูก (ทำจมูก) เช่น ซิลิโคน ซึ่งจะผ่าตัดสอดเข้าไปตามรอยแผลผ่าตัดเล็กๆ ภายในช่องจมูก เป็นเทคนิคที่ทำได้ง่ายและสะดวกใช้เวลาผ่าตัดไม่นานเหมาะกับกรณีที่คนไข้มีรูปทรงจมูกของเดิมที่ดีอยู่แล้วระดับหนึ่ง เช่น ฐานจมูกไม่ใหญ่จนเกินไป สันจมูกไม่แบบเรียบมากเกินไป รูปทรงจมูกไม่เบี้ยวและยาวหรือสั้นเกินไป เพราะหากจมูกมีความยาวที่เหมาะสมก็สามารถเสริมได้ด้วยซิลิโคน แต่มีข้อจำกัดคือไม่เหมาะกับผู้ที่มีจมูกสั้น (Short Nose)
ข้อดี | ข้อเสีย |
เป็นเทคนิคการผ่าตัดที่ไม่ซับซ้อนมาก เวลาผ่าตัดไม่นาน | ไม่เหมาะกับผู้ที่มีจมูกสั้นมากเกินไป |
คนไข้ไม่จำเป็นต้องวางยาสลบ เนื่องจากใช้วิธีการฉีดยาชาเฉพาะที่ | ไม่สามารถปรับแก้โครงสร้างจมูกได้ทั้งหมดเนื่องจากเป็นการเปิดแผลในรูจมูกเพียงด้านใดด้านหนึ่งเท่ากั้น |
ราคาไม่สูงมาก |
|
ตารางการเปรียบเทียบชนิดซิลิโคนจมูก
การเตรียมตัวก่อนผ่าตัด
- งดสูบบุหรี่ ,งดเครื่องดื่มแอลกฮอล์ทุกชนิด อย่างน้อย 1 สัปดาห์
- งดยาแก้ปวด ลดกล้ามเนื้ออักเสบ ก่อนผ่าตัด เช่น ยากลุ่มแอสไพริน (Aspirin) หรือ ไอบิวโพรเฟน (Ibuprofen) เพื่อลดอาการฟกช้ำจากเลือดคั่งหลังผ่าตัด แต่กรณีที่จำเป็นต้องใช้ แนะนำให้ใช้ยาพาราเซตามอนในการบรรเทาอาการปวดเท่านั้น
- ควรงดวิตามิน น้ำมันตับปลา อาหารเสริมต่างๆ ทุกชนิด เนื่องจากอาหารเสริมเหล่านี้ ไม่ว่าจะดีงามในสามโลกไหน ก็เกิดอาการเลือดหยุดไหลช้า
- งดของแสลงจำพวกของดอง น้ำอัดลม รวมถึงอาหารทะเล หากสามารถงดได้ล่วงหน้า แนะนำให้งด
การดูแลหลังการเสริมจมูก
- ประคบน้ำแข็งประมาณ 3วัน 5 จุดรอบใบหน้าต่อเนื่องกันห้ามเว้นช่วง
- นอนศีรษะสูง หนุนหมอนประมาณ 2-3 ใบ
- จมูกจะบวมประมาณ 5-7 วัน ในวันที่ 7 ก็จะเริ่มยุบ
- ทานอาหารตามปกติ ยกเว้นอาหารรสจัด อาหารหมักดองทุกชนิด ให้งดเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ และบุหรี่ในช่วง 2 อาทิตย์แรก
- ให้มาพบแพทย์หลังการผ่าตัดทุกอาทิตย์ ตามที่แพทย์นัด
- ห้ามแผลผ่าตัดโดนน้ำ 1 วันแรก (กรณีที่มีการผ่าตัดกระดูกอ่อนหลังหูด้วย ห้ามแผลหลังหูโดนน้ำ 7 วัน) ดังนั้น การทำความสะอาดหน้า 3-4 วันแรกให้ใช้กระดาษซับ หลังจากนั้นใช้สำลีชุบน้ำอุ่นเช็ดทั่วใบหน้า ห้ามการกระทบกระทั่งบริเวณดั้งจมูก
- 24 ชม หลังการผ่าตัด ให้ใช้ไม้พันสำลี(cotton bud)ชุบน้ำอุ่นเช็ดบริเวณแผลเบาๆเพื่อล้างคราบเลือดที่ติดแผล แล้วเช็ดซ้ำให้แห้ง ห้ามทำให้แผลเปียก จากนั้นทาเบตาดีและยาฆ๋าเชื้อรอบๆแผลที่ผ่าตัด ห้ามให้มีคราบเลือดติดบริเวณแผลเด็ดขาด!!!
- ห้ามนอนคว่ำหรือนอนตะแคง
- งดออกกำลังกายทุกชนิด
- งดการนวดหน้าถูหน้า
- ผู้เข้ารับการผ่าตัดจึงควรอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่แห้งและเย็น หลีกเลี่ยงฝุ่นที่เป็นสาเหตุให้แพ้อากาศ หากมีน้ำมูกให้รีบทานยา แก้แพ้ทันที หลีกเลี่ยงการไอ จาม และสั่งน้ำมูก
- ในกรณีตัดปีกจมูก คนไข้ไม่ต้องตกใจหากแผลมีอาการแฉะ สามารถกดและซับบริเวณที่แฉะ และแต้มเบาเบาด้วยไม้พันสำลีชุบเบตาดีนครั้งเดียวเท่านั้นและปล่อยให้แผลแห้ง ห้ามเช็ดหรือถูโดยเด็ดขาด (ไม่ควรใช้เบตาดีนบ่อย ทางที่ดีควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสแผลในทุกกรณี ควรปล่อยให้แผลแห้งตามธรรมชาติ)
- กรณีหลังการตัดไหมยังพบเส้นไหมอยู่สามารถตัดเองได้ เลย
- ห้ามส่องกระจก คาดเดารูปทรงในช่วง 6 สัปดาห์แรก จะทำให้คนไข้เกิดอาการวิตกกังวลในรูปทรง เนื่องจากในช่วงเวลาดังกล่าวนั้น ยังมีอาการบวมอยู่
- ห้ามจับ ดัด หรือ บิดจมูก ในช่วง3 เดือนแรก
โดยทั่วไปจมูกจะยุบบวม และเข้าที่ประมาณ 1-3 เดือน ดังนั้นคุณต้องระมัดระวังพอสมควร เรื่องการโดนกระแทก และควรอยู่ห่างเด็กเล็กหรือสัตว์เลี้ยงไว้ เพราะต้องรอเวลาเพื่อให้แท่งซิลิโคนถูกเนื้อจมูกห่อหุ้มให้แน่นมากๆ ก่อน (ประมาณ 1-3 เดือน) จึงจะสามารถทนแรงกระทบได้มาก แล้วคุณสามารถทำกิจกรรมได้ตามปกติพร้อมกับมีจมูกที่โด่งสวยอีกด้วย อาการเจ็บปวดบริเวณแผลในช่วง 2-3 สัปดาห์แรกเป็นอาการปกติ อาจเกิดขึ้นได้ในบางราย
*มาพบแพทย์ตามนัด อย่างเคร่งครัด ทุกอาทิตย์ ในสัปดาห์ที่ 1 และ 2 และทุกสองอาทิตย์ ในครั้งที่ 3 และ4 หลังจากนั้นอีก 1เดือน จนครบ 3 เดือน