ศัลยกรรมหน้าอก เป็นการทำศัลยกรรมที่เป็นที่นิยมในหมู่สาวเอเชีย เพราะพื้นฐานแล้วผู้หญิงเอเชียจะมีขนาดหน้าอกไม่ใหญ่มาก การที่ผู้หญิงที่มีหน้าอกรูปร่างที่ใหญ่แบบพอดีๆ ซึ่งจะเป็นเสน่ห์ในการดึงดูดต่อเพศตรงข้าม จึงทำให้สาวๆหลายคนใฝ่ฝันที่จะมีขนาดหน้าอกที่ใหญ่ขึ้น ซึ่งดรีมคลินิกมีบริการเสริมหน้าอกที่ใช้เทคนิคที่ปลอดภัยและใช้เวลาในการพักฟื้นไม่นาน
ศัลยกรรมหน้าอก เสริมหน้าอก ทำแล้วมั่นใจได้ว่า ได้ทรวดทรงที่เป็นธรรมชาติ งดงาม ได้รูป ไม่หย่อนคล้อย ขนาดเหมาะสมกับรูปร่าง ลำตัว และบุคลิก ทำให้มีเรือนร่าง ที่สวยงาม ชวนมอง ด้วยซิลิโคนเกรดที่ดีที่สุดทำให้เต้านมนิ่มเป็นธรรมชาติ ไม่แข็งเป็นก้อน ไม่มีผิดรูป ซ้าย-ขวาไม่ต่างกัน
การวางแผนการผ่าตัด : การเลือกยี่ห้อและชนิดซิลิโคน ขนาดเต้านม ตำแน่งการวางซิลิโคน และแผลผ่าตัด
การปรึกษาแพทย์ก่อนผ่าตัดจะช่วยให้สามารถวัดและเลือกถุงซิลิโคนที่เหมาะสมกับขาดร่างกายและความพึงพอใจของแต่ละบุคคลได้ ซึ่งข้อดีข้อเสียของทางเลือกในแต่ละแบบมีดังนี้
การเลือกยี่ห้อซิลิโคน
ยี่ห้อซิลิโคน | ข้อดี | ข้อเสีย |
ซิลิโคนมาตรฐาน ( Mentor, Allergan, Silimed) | - ผ่านการรับรองจาก อย. ไทยและสหรัฐอเมริกา
- วัสดุที่คงทน อยู่ได้นาน โอกาสการรั่วซึมมีน้อย
- โอกาสเกิดการแพ้น้อยมาก เพราะการผลิตต้องใช้เทคโนโลยีจากอเมริกา เพื่อให้ได้ซิลิโคนบริสุทธิ์สำหรับทางการแพทย์
- มีเอกสารรับรอง และรับประกันจากผู้ผลิต
| - ราคาสูงกว่าซิลิโคนไม่มาตรฐานหลายเท่า
|
ซิลิโคนไม่ได้มาตรฐาน (ซิลิโคนจีน,เอเชีย,อาฟริกา,ยุโรป) | | - ไม่ผ่านการรับรองจาก อย.
- วัสดุที่ไม่คงทน โอกาสการรั่วซึมสูง
- โอกาสเกิดการแพ้หรือมีการต่อต้านจากร่างกายสูง เพราะเทคโนโลยีการผลิต ยังไม่ได้ซิลิโคนบริสุทธิ์เพียงพอสำหรับทางการแพทย์ เหมือนของอเมริกา
- ไม่มีเอกสารรับรอง และรับประกันจากผู้ผลิต
|
การเลือกขนาดซิลิโคน
ขนาดซิลิโคนจากการวัดฐานทรวงอกโดยแพทย์ | ข้อดี | ข้อเสีย |
ชิลิโคนขนาดไม่เกินความกว้างฐานหน้าอก | - ขนาดเหมาะสม พอดีกับสัดส่วนของร่างกาย ดูเป็นธรรมชาติ ไม่เห็นขอบเยอะจนเป็นเกินไป
- เจ็บน้อย เพราะตัดกล้ามเนื้อในปริมาณที่เหมาะสม
- เสี่ยงต่อการชาของเส้นประสาทน้อย
- ปัญหาเลือดคั่งพบได้น้อยกว่าเพราะมีการตัดเลาะกล้ามเนื้อน้อย
- ขนาดแผลผ่าตัดเล็กกว่า
| - แพทย์จะจำกัดขนาดซิลิโคนที่เหมาะสม อาจไม่ได้ตามความต้องการสำหรับผู้ที่ต้องการหน้าอกแบบใหญ่เกินธรรมชาติ
|
ชิลิโคนขนาดใหญ่เกินความกว้างฐานหน้าอก | - ขนาดใหญ่ตามที่ต้องการ เหมาะกับคนที่ต้องการให้หน้าอกดูเยอะเกินธรรมชาติ
| - เจ็บมาก เพราะเลาะตัดกล้ามเนื้อในปริมาณมาก
- เสี่ยงต่อการชาของเส้นประสาทมาก อาจมีหัวนมชา หรือมีความรู้สึกลดลง
- ปัญหาเลือดคั่งพบได้มากกว่าเพราะมีการตัดเลาะกล้ามเนื้อเยอะ
- กรณีมีเนื้อหรือผิวหนังหย่อนคล้อย อาจทำให้เต้านมมีรอยพับ รอยหยักเป็นสองลูก ไม่ได้ทรงที่กลมสวยตามปกติ
- แผลผ่าตัดจะมีขนาดใหญ่ขึ้น
|
การเลือกตำแหน่งซิลิโคนที่วางบนทรวงอก
| ข้อดี | ข้อเสีย |
ซิลิโคนวางใต้กล้ามเนื้อ | - ช่วยให้หน้าอกส่วนบนลาดลงดูเป็นธรรมชาติ ไม่เป็นขอบโค้งไปตามถุงซิลิโคน จึงเหมาะกับคนผอม เนื้อผิวหนังบาง
- ช่วยลดโอกาสเกิดพังผืดเกาะและหดรัดรอบซิลิโคนมากกว่าวิธีอื่น ทำให้อายุการใช้งานซิลิโคนยาวนานกว่า
| - เจ็บกว่า เพราะต้องมีการตัดกล้ามเนื้อ จึงต้องใช้เวลาพักฟื้นนานกว่าการวางซิลิโคนเหนือกล้ามเนื้อ
- ใช้แรงกล้ามเนื้อหน้าอกได้จำกัด จึงไม่เหมาะกับนักกีฬาที่ต้องใช้แรงกล้ามเนื้อหน้าอกอย่างหนัก
|
ซิลิโคนวางเหนือกล้ามเนื้อ | - เจ็บน้อยกว่าเพราะไม่ต้องตัดกล้ามเนื้อ
- ไม่มีผลกับความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ
- สามารถทำให้เต้านมชิดกันได้มากกว่า
| - ไม่เหมาะกับคนผอม เนื้อผิวหนังบางเ พราะจะทำให้เห็นขอบบนซิลิโคนชัด
- โอกาสเกิดพังผืดเกาะและหดรัดรอบซิลิโคนมากกว่าวิธีอื่น ทำให้อายุการใช้งานซิลิโคนน้อยลง
|
Dual Plane ซิลิโคนวางใต้กล้ามเนื้อเฉพาะส่วนบน | - ช่วยให้หน้าอกส่วนบนลาดลงดูเป็นธรรมชาติ เหมาะกับคนที่มีความหย่อนของหัวนมและเนื้อเต้านมในระดับเล็กน้อยถึงปานกลาง
| - เจ็บกว่า เพราะต้องมีการตัดกล้ามเนื้อ จึงต้องใช้เวลาพักฟื้นนานกว่าการวางซิลิโคนเหนือกล้ามเนื้อ
|
การเลือกตำแหน่งแผลผ่าตัด
Inframammary incision – การใส่ซิลิโคนเข้าไปทางใต้ราวนม
การใส่ซิลิโคนเข้าทางใต้ราวนมเป็นวิธีที่ได้รับความนิยมมากที่สุด เนื่องจากมีขั้นตอนที่ซับซ้อนน้อยกว่าการผ่าซิลิโคนเข้าทางอื่นของร่างกาย และยังช่วยปกปิดร่องรอยการผ่าตัดได้ดี หลังการผ่าตัดคนไข้มีการฟื้นตัวที่รวดเร็ว
Transaxillary incision – การใส่ซิลิโคนเข้าไปทางใต้รักแร้
การผ่าตัดเสริมหน้าอกโดยการใส่ซิลิโคนที่ใต้รักแร้ มีประโยชน์อย่างมากในการช่วยปกปิดร่องรอยการผ่าตัด เพราะแผลผ่าตัดอยู่ในจุดที่เห็นได้ยาก การผ่าตัดนี้จะอยู่ที่ใต้รักแร้ ซึ่งรอยพับของรักแร้โดยธรรมชาติ จะกลมกลืนไปกับแผลผ่าตัดทำให้สังเกตุเห็นได้ยาก
Periareolar incision – การใส่ซิลิโคนเข้าไปทางหัวนม
การผ่าตัดเสริมหน้าอกด้วยวิธีนี้ จะผ่าตัดเข้าทางฐานหัวนม ซึ่งสีผิวที่บริเวณดังกล่าวจะช่วยปกปิดร่องรอยการผ่าตัดได้ดี ผิวเนื้อบริเวณหัวนม และที่ฐานหัวนมอาจเห็นแผลเป็นได้ยากกว่าบริเวณอื่นของหน้าอก แต่เสี่ยงเรื่องการติดเชื้อมากกว่าวิธีอื่น
| ข้อดี | ข้อเสีย |
แผลใต้ราวนม | - เจ็บแผลน้อย พักฟื้นสั้น เพราะไม่ต้องเลาะเนื้อเยื่อเยอะ
- แผลหายง่าย การดูแลแผลและถุงซิลิโคนหลังผ่าตัดง่าย
| - มองเห็นแผลเป็นที่หน้าอก ต้องใช้เวลารอให้หาย
|
แผลรักแร้ | - แผลมองเห็นไม่ชัดจากด้านหน้า เป็นการซ่อนแผลเป็น
| - เจ็บแผลมาก ต้องพักฟื้นเพราะต้องมีการตัดเลาะเนื้อเยื่อเยอะกว่า
- การดูแลถุงซิลิโคนหลังต้องพันผ้าไว้นานกว่า
- อาจพบปัญหาถุงซิลิโคนเคลื่อน หัวนมไม่อยู่ตรงกลางได้ถ้าการผ่าตัดไม่ดีพอ หรือการดูแลหลังผ่าตัดไม่ดีพอ
- แผลที่รักแร้อยู่ในตำแหน่งที่ดูแลยากกว่า สกปรกกว่า
|
แผลที่ปานนม | | - อาจพบปัญหาพังผืดเกาะและหดรัดรอบซิลิโคนมากกว่าวิธีอื่น ทำให้อายุการใช้งานซิลิโคนน้อยลง เพราะเป็นตำแหน่งแผลที่สกปรกที่สุด
- อาจมีอาการชาที่หัวนมได้
- ไม่สามารถใส่ซิลิโคนขนาดใหญ่ได้เพราะแผลมีขนาดจำกัด
- แผลอาจมองเห็นจากด้านหน้าได้ถ้าการเย็บไม่ดีพอ
|
ซิลิโคนผิวทราย(Textured Silicone Implant)ดีกว่าแบบผิวเรียบอย่างไร ?
ปัจจุบันเทคโนโลยีการผลิตซิลิโคนดีขึ้น ในต่างประเทศซิลิโคนผิวทรายถูกนำมาแทนที่แบบผิวเรียบจนเกือบหมด เพราะช่วยลดการเกิดพังผืดหดรัดรอบๆซิลิโคน ทำให้อายุการใช้งานของซิลิโคนนานกว่า และไม่ต้องนวดเยอะมาก ลดภาระที่ไม่จำเป็นลง
ที่สำคัญกว่าซิลิโคนผิวเรียบหรือผิวทรายคือ ซิลิโคนต้องมาตรฐานจากอเมริกาซึ่งผ่านการรับรองจากคณะกรรมการอาหารและยา รวมถึงต้องมีเอกสารรับรองและรับประกันจากผู้ผลิตซึ่งคนไข้ต้องได้รับหลังผ่าตัดแล้วจำนวน 2 ชุดจึงจะมั่นใจได้ว่าเป็นซิลิโคนมาตรฐานจริง ๆ ให้ระวังของปลอมซึ่งปัจจุบันกำลังระบาด เพราะมีบางแห่งหลอกว่าใช้ซิลิโคนมาตรฐานแต่กลับไม่มีเอกสารรับประกันใดๆให้หลังการผ่าตัด
ปัจจุบันมีซิลิโคนผิวทรายจำนวนมาก ผลิตในประเทศจีนหรือในเอเชีย, อาฟริกา ,หรือยุโรปหลายๆประเทศ ซึ่งกระบวนการผลิตยังไม่ผ่านการรับรองมาตรฐานเหมือนของอเมริกา ซิลิโคนไม่ได้มาตรฐานราคาถูกเหล่านี้แพร่หลายมากในประเทศไทย ทำให้การผ่าตัดทำได้ในราคาถูกมากๆ แต่ในระยะยาวพบแล้วว่ามีปัญหาการแตก, รั่ว, ติดเชื้อ หรือ พังผืดหดรัดอย่างรวดเร็ว การแก้ไขต้องเจ็บตัวเพิ่ม เสียเงิน เสียเวลาแก้ไข รวมถึงเสี่ยงอันตรายถึงชีวิตได้
ดังนั้นผู้รับการผ่าตัดศัลยกรรมหน้าอกจำเป็นต้องทราบและตรวจสอบเอกสารรับประกัน โดยบริษัทผู้ผลิตที่ผ่านการรับรองมาตรฐานเหล่านี้ได้แก่Mentor, Silimed, Allergan หรือ Natrelleตามเครื่องหมายการค้าด้านล่างนี้ จึงจะมั่นใจได้ในความปลอดภัยของซิลิโคน ไม่ต้องเสี่ยงชีวิตกับซิลิโคนที่ไม่ได้มาตรฐาน
การพักฟื้นหลังการเสริมหน้าอก
- คนไข้สามารถกลับไปทำงานตามปกติได้ภายใน 2–3 วัน
- ศัลยแพทย์จะนัดมาตรวจหน้าอกและตัดไหมในอีกประมาณ 1 สัปดาห์
- คนไข้ควรหลีกเลี่ยงไม่ให้ หน้าอกแตะต้องและกระทบกับสิ่งใด (ยกเว้นยกทรง) เป็นเวลาประมาณ 3–4 สัปดาห์
- รอยแผลเป็นจะค่อยๆ จางและแบนราบลงในช่วงหลัง 3 เดือนถึง 2 ปีหลังการผ่าตัด ซึ่งระยะเวลาจะแตกต่างกันไปในคนไข้แต่ละราย
วิธีการดูแลหลังการผ่าตัดเสริมหน้าอก
- การนวดหน้าอก เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดหลังการเสริมหน้าอก เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดพังผืดซึ่งจะทำให้หน้าอกแข็งตึง คนไข้ควรหมั่นนวดคลึงหน้าอกเพราะจะยิ่งทำให้หน้าอกมีรูปทรงที่สวยงามยิ่งขึ้น ควรนวดคลึงหน้าอกอย่างต่อเนื่องอย่างน้อย 6 เดือนถึง 1 ปี
- งดการยกสิ่งของหนักเหนือศีรษะเป็นเวลา 3-4 อาทิตย์
- งดกิจกรรมหนัก หรือใช้กำลังมากเป็นเวลา 1 เดือน
- ไม่ควรใส่ยกทรงที่มีโครงเหล็กช่วง 3 อาทิตย์แรก หลังการผ่าตัด
รูปผลการทำศัลยกรรมเสริมหน้าอก 